คำให้การของหมาวัด (ลงในdogilike)
เคยเห็นแววตาเศร้าสร้อยของสุนัขที่ถูกทิ้งบ้างไหม แววตานั้นเหมือนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่พวกเขาก็ยังคงอยู่พร้อมกับรอคอยให้นายอันเป็นที่รักของเขากลับมา โดยที่คนเหล่านั้นไม่คิดจะกลับมาหาพวกเขาอีกเลย
ผู้เข้าชมรวม
2,037
ผู้เข้าชมเดือนนี้
37
ผู้เข้าชมรวม
สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ มันอาจเป็นสิ่งเล็กๆ สำหรับหลายคน แต่มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเด็กคนหนึ่ง..
หากจะถามผมว่า มันเป็นเรื่องจริงไหม ?
ผมคงจะตอบไม่ได้.. ถ้าจะบอกว่ามันเป็นเรื่องจริง มันคงจะน่าเกลียดเกินไป
แล้วผมก็ไม่มีอะไรที่จะยืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง..เพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่กับสุนัขตัวนั้นมันช่าง เหมือนความฝัน เหลือเกิน
++++++++++++++++
สวัสดีค่ะ บทความเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนลงใน Dogilike เมื่อปีที่แล้ว
ซึ่งในตอนแรกผู้เขียนตังใจที่จะเขียนส่งชิงรางวัล
แต่เมื่อประกาศผลออกมาแล้ว ปรากฏว่า ไม่ได้สักรางวัล
ไม่ว่าจะเป็น รางวัลขวัญใจกรรมการ หรือ รางวัลเรื่องที่มีผู้โหวตเยอะมากที่สุด
ในตอนนั้นยอมรับเลยว่า เศร้ามาก เพราะเป็นผลงานเรื่องแรกที่เขียนอย่างตั้งใจที่สุด
แน่นอนว่า ก็ต้องคาดหวังกับผลงานตัวเองไว้เยอะ
หลังจากนั้น ผู้เขียนก็ไม่เคยเปิดมันขึ้นมาอ่านอีกเป็นครั้งที่สอง
เพราะทุกครั้งที่อ่าน รู้สึกว่าน้ำตามันเริ่มเอ่อล้นข้นมา
ไม่แน่ใจว่าเนื้อเรื่องมันเศร้า หรือผู้เขียนกันแน่ที่เศร้า
แต่เมื่อกาลเวลาเริ่มผ่านไป ผู้เขียนก็ได้ทราบว่าสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ไม่ใช่ของรางวัลแต่อย่างใด
แต่มันคือ เสียงตอบรับของคนรักสุนัขอย่างที่เข้ามาอย่างล้นหลาม
ซึ่งจุดมุ่งหมายนั่นคือ การทำให้คนๆ หนึ่งรับรู้ว่า แท้จริงแล้ว สุนัขก็มีจิตใจเช่นกัน
ไชโย
ปล. ลิ้งค์เก่า ยังเก็บไว้อยู่เลยค่ะ ^^ http://family.dogilike.com/bbjung/entry/view.php?type=B&id=962
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ไม่นานมานี้ ผมเพิ่งพบว่าตัวเองยืนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ตัวบ้านไม่เล็กไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่มีฝุ่นเกาะตามข้าวเครื่องใช้ บ่งบอกถึงการปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ข้างหน้าผมมีหญิงสาววัยกลางคน คนหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอม. โดยที่เธอไม่สนใจเลยว่าผมเป็นใคร เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ ที่ผมได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกแม่ของเธอ เด็กหญิงคนนั้นอุ้มลูกสุนัขสีทองพันธุ์ทาง วิ่งทะลุผ่านร่างผมไปอย่างไร้ความใยดี ทำเอาหญิงสาววัยกลางคนถึงต้องผละออกจากหน้าคอมและหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเธอก็ขมวดคิ้วให้กับลูกสุนัขพันธุ์ทาง
“ลูกไปเอามันมาจากไหน” เธอถามด้วยน้ำเสียงงงงวย ลูกสาวพักเหนื่อยได้สักพักแล้วจึงตอบ
“อานงค์ค่ะ อานงค์แกเป็นคนให้หนูมา เขาบอกว่าแม่มันไปไข่ทิ้งไว้ใต่ถุนบ้านเขาน่ะค่ะ” ลูกสาวของเธอพูดพลางชูลูกสุนัขวัยกำลังน่ารักน่าชังให้แม่ดู ดูๆ ไปแล้วเขาเหมือนลูกโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่ผิดมาตรฐานสายพันธุ์ กล่าวคือ ถึงส่วนต่างๆ จะดูคล้ายลูกโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ แต่เขามีอุ้งเท้าที่ใหญ่เกินไป และหูที่ตั้งชันจนผิดมาตรฐาน
เด็กหญิงยังคงรอคำตอบ เมื่อแม่ เงียบเธอจึงพูดต่อ
“เราเลี้ยงมันไว้ได้ไหมจ๊ะแม่” แต่แม่ของเธอกลับส่ายหัวเนื่องๆ
“ลูกจำไม่ได้หรือที่พ่อเราบอกว่า เพื่อนของพ่อเขาจะให้ลูกซิสุน่ารักๆ แก่เรา..เราเลี้ยงสุนัขถึงสองตัวไม่ได้หรอกจ๊ะ ลูกต้องเอามันไปคืนอานงค์เถอะ”
“แต่แม่ค่ะ อานงค์ไม่รักมันแล้ว เขาทุบตีมันทุกวันเลยนะค่ะ แถมอีกอย่างลูกสุนัขที่เพื่อนพ่อเขาจะให้ต้องรอตั้งคอกหน้าไม่ใช่หรือคะ”
หญิงสาวถอนหายใจ มองหน้าลูกสลับกับลูกสุนัข
“ก็ได้ แต่ลูกต้องเป็นคนเลี้ยงมันนะ” แทบจะได้เห็นประกายตาของเธอลุกวาวไปด้วยความตื่นเต้นทันทีที่พูดจบ เด็กหญิงเป็นฝ่ายชนะ เธอฉีกยิ้มกว้าง พร้อมแหย่ลูกสุนัขเล่นด้วยนิ้ว เขาใช้อุ้งเท้านุ้มๆ ตะบบนิ้วมือราวกับของเล่น แล้วเธอก็หัวเราะชอบใจ ผมตัดสินใจ ณ เวลานั้น ผมคิดจะตามพวกเขา เหตุเพราะอะไรบางอย่างมันจูงใจ อาจจะเป็นเพราะความสนุกสนานแบบเด็กๆ ซึ่งเราแทบจะหาพบไม่ได้เมื่อเราเติบโต มิตรภาพของคนและสุนัข มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์เล็กๆ เหตุการณ์หนึ่งที่ตรึงใจผมมาตลอดไม่มีวันลืม
เมื่อตกเย็น ในวันแรก เด็กหญิงพาเขาไปรู้จักกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเธอเรียกว่า พ่อ ผู้ชายคนนั้นใช้มือหยาบๆ ลูบหัวเขาไปมา เมื่อเขาเริ่มจำกลิ่นได้จึงพลอยกระดิกหางดีใจ ทุกๆ ครั้งที่ได้เจอผู้ชายคนนั้น ลูกสุนัขจดจำทุกคนในบ้านได้ในเวลาไม่นาน ในบ้านประกอบด้วยคนที่เด็กหญิงเรียกว่า พ่อ แม่ และ ตัวเธอเองซึ่งก็คือเจ้านายที่เขาเรียกว่า นายหญิง
เมื่อเริ่มจำความได้ในเวลาที่นายหญิงไม่อยู่ เขาทำหน้าที่ของตนเองโดยการไล่เห่าผู้คนที่ชอบเดินไป เดินมาอยู่หน้าบ้าน ในบ้างครั้งเขาทำหน้าที่จนเกิดเหตุ ก็จะโดนแม่ดุ วันนั้นเขาจะนอนหงอยเกือบทั้งวัน เหมือนสำนึกผิด แต่พอมาวันถัดไปก็กลับมาร่าเริงดังเดิมเดิม
บนเนินสูงๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่ เรามักจะเห็นภาพเด็กหญิงนั่งเล่นเป็ดยางร้องก๊าบๆ กับสุนัขของเธอเป็นประจำทุกๆ วัน ดูเขาสนุกและเพลิดเพลินต่อของเล่นชิ้นนั้นมาก เด็กหญิงกับลูกสุนัข อยู่ด้วยกันแทบทุกที่ ทั้งเวลาเล่น เวลากิน และ เวลานอน พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ในเวลาไม่นาน ลูกสุนัขกลายเป็นเจ้าสุนัขตัวใหญ่สง่างามมีสีทองเรืองรอง หูตั้งชันเหมือนสุนัขหมาป่า หางเป็นพวงฟูฟ่องไปด้วยขน
แม้แม่ของนายหญิงจะดูแลคอยให้อาหารเขาทุกเข้าเย็น เป็นผู้ดูแลเขา แต่นายหญิงคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา
ในทุกๆ วันเจ้าสุนัขจะเล่นกับนายหญิงของเขา ในตอนเช้าตรู่พวกเขาจะออกไปเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งตั้งตะหงาดอยู่บนเนินหญ้า เจ้าสุนัขชอบเล่นเป็ดยาง มันแทะงัดแงะ จนเยินไปทั้งตัว ในตอนที่พวกเขากำลังจะกลับบ้าน จะไม่มีใครเห็นเป็ดยางตัวนั้นเลย แม้แต่เด็กหญิงก็แปลกใจเช่นกัน เจ้าสุนัขของเธอเมื่อมันเล่นจนพอใจจะนำเป็ดไปฝังดิน วันต่อมาก็ขุดขึ้นมาอีก น่าแปลกที่มันจำได้ดีว่าฝังไว้ตรงไหน
ในเช้าวันหนึ่งแตกต่างออกไปจากวันก่อนๆ มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ เจ้าสุนัขรอคอยการออกไปเล่นนอกบ้านอย่างใจจดใจจ่อ พลางชะเง้อมองลอดช่องประตูบ้าน ผู้คนดูวุ่นวายมากเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับนายหญิงของเขา เธอวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวอะไรสักอย่าง เธอใส่ชุดสีขาวเดินหาของไปๆ มาๆ พลางดูนาฬิกา เมื่อใกล้จะออกจากบ้าน เธอล่ามเขาไว้กับเสาบ้านอย่างเร่งรรีบ ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าเป้จ้ำอ้าวออกจากบ้านไปโดยไม่ให้เขาตามไปด้วย
เขานั่งหลังเหยียดตรง หูตั้งชัน รออยู่นานแสนนาน เผื่อเธอนึกได้แล้วจะวนกลับมาพาเขาไปด้วย แต่เธอก็ไม่กลับมา ผมนั่งอยู่ข้างๆ เขา ถึงแม้ผมจะอ่านใจเขาไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ แต่ก็เริ่มเข้าใจในการรอคอยมันแสนนาน ผมหลับไปหลายรอบและทุกรอบที่ตื่นขึ้นมา จะเห็นเขานั่งเฝ้าชำเลืองมองอยู่หน้าประตูบ้าน โซ่ล่ามตึงจนสุดขีด เพื่อที่ตัวจะได้เข้าใกล้ประตูบ้านมากยิ่งขึ้น
รอแล้วรอเล่า..
จนในตอนบ่ายๆ นายหญิงถึงจะกลับมาหาเขา ผมรู้สึกโกรธเธอเป็นอย่างมาก ที่ปล่อยให้เขาต้องคอย ถ้าผมเป็นเขาคงกระโดดกัดไปนานแล้ว แต่เพราะเขาคือเขา จึงไม่ทำเช่นนั้น
เขาไม่โกรธนายหญิงของเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังกระดิกหางดีใจ ทำหน้าระรื่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ออกไปเล่นนอกบ้านพร้อมกัน ผมคิดว่าเขาเองก็โกรธนายหญิงอยู่บ้าง แต่พอเธอกลับมาพาเขาไปด้วย ความโกรธของเขาก็อันตรธานหายไปแทบจะทันใด ที่จริงเขาก็ไม่ได้โกรธเธอ แต่เพียงแค่น้อยใจที่ไม่พาเขาไปด้วยก็เท่านั้น
ตกเย็นวันนั้น ในตอนที่เขาและนายหญิงออกไปเล่นนอกบ้านจนพอใจ เมื่อเตรียมจะเข้านอน เขาได้กลิ่นพ่อและกลิ่นของสัตว์ต่างถิ่นสลับกันไปมา เขาเอาจมูกแนบชิดกับประตูบ้าน จนพ่อเปิดประตูเข้ามาแถบจะกระแทกโดนหน้าของเขา
พ่อยื่นเจ้าตัวขนยาวๆ ให้นายหญิง เธอดูดีใจมาก พร้อมกับขยับปากยิงคำถามต่างๆ แทบจะทันที เป็นสิ่งที่เธออยากได้มานาน เจ้าลูกชิสุพันธุ์แท้ขนยาว หน้าตาน่ารักน่าชัง กอดรัดจนพอใจ เมื่อเธอเมื่อยแขน จึงวางลูกชิสุลงพื้น เจ้าสุนัขของเธอก็ตรงรี่เข้าใส่ลูกชิสุ ทันใด ทำท่าทางไม่ไว้วางใจ ในตอนนั้นเขาคิดว่าเจ้าลูกชิสุจะทำอันตรายแก่นายหญิงจึงแยกเขี้ยวขู่ แทนที่เขาจะได้รับคำชม แต่กลับได้รับบทลงโทษ
นายหญิงโกรธเขามากถึงขนาดล่ามเขาไว้กับเสาหน้าบ้าน
เขามองเข้าไปในบ้าน พลางร้องหงิงๆ เป็นเชิงขอโทษขอโพย เผื่อนายหญิงจะหายโกรธเขา
แต่ทว่าเธอมัวแต่เพลิดเพลินกับลูกสุนัขตัวใหม่ จนลืมเขาไปเสียแล้ว เธออุ้มชูลูกสุนัขตัวใหม่พลางหัวเราะไปมา เธอคงจะดีใจมากหากไม่มีเขาอยู่ในชีวิต เขาเลิกร้องเรียก แล้วหมอบลงจนหลับอย่างไม่สนิท คอยฟังเสียงคนออกจากบ้าน จนถึงเช้า เขากระดิกหางต้อนรับนายหญิง นำพาร่างไปไกลที่สุดเท่าที่เชือกล่ามจะไปถึง ร้องเรียกนายหงิงๆ แต่แล้วเธอก็ไปโรงเรียนโดยไม่สนใจเขา
เจ้าสุนัขเปิดศึกทำสงครามกับลูกชิสุตัวกะเปี๊ยก เขาขู่ไว้เป็นเชิงปรามก่อนที่มันจะเข้ามาใกล้เขา ถึงเขาจะไม่ใช่สุนัขที่ดุร้ายอะไรนัก แต่ก็ไม่ใจดีถึงกลับให้เจ้าลูกสุนัขมาช่วงชิงความรักไปจากเขา แต่แล้วเขาก็กลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครอยากที่จะเล่นด้วย สุนัขโตอย่างเขา ไม่เล็กและขี้เล่นเหมือนลูกสุนัข ไม่น่ากอดรัด ตัวใหญ่จนอุ้มแทบไม่ได้
ถึงเขาจะได้รับอาหารสามมื้อเท่าเดิม แต่ในเมื่อที่บ้านไม่มีความรักให้แก่เขา เขาจึงเกลียดทุกสิ่งทุกอย่าง เที่ยวเตร่ออกไปตามถนนหนทาง เช้าไปเย็นกลับ จนแทบจะเป็นกิจวัตร เขากลายเป็นเจ้าถิ่น ตัวใหญ่ รูปร่างกำยำจนสุนัขโตทุกตัวแทบไม่กล้าแหยม ผู้ใดข้ามถิ่นเข้ามาเป็นเลือดตกยางออกทุกราย แม้กระทั่งสุนัขของเพื่อนบ้านยังโดนเขากัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ
เขากลายเป็นสุนัขที่ดุร้ายและน่ากลัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ทำร้ายคน ยกเว้นแต่บางคนที่แหย่เขาจนเขาโมโห เขาพยายามจะไม่กัดคนพวกนั้น เพราะเมื่อเขากัดคนพวกนั้น เวลากลับบ้านเขาก็จะโดนแม่หวดด้วยไม้หวาย จนเป็นแผลเลือดออก จนนานวันเข้า เขาไม่ยอมให้ไม้นั่นหวดเขาได้ ด้วยความโมโห เขากระโจนเข้างับที่ไม้ แต่หลาดไปโดนแขนแม่ ลอยเขี้ยวฝังลึกจนเป็นแผลเลือดออกไหลไม่หยุด
เขารู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายของรักของนายเข้า จึงรีบวิ่งเตลิดออกไปนอกบ้านอย่างไม่คิดชีวิต
วันนั้นเด็กหญิงกับพ่อแม่ของเธอคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับเจ้าสุนัขของพวกเขา บทสนทนาเป็นแนวลงความคิดเห็น เมื่อพวกเขาตกลงกันได้เกี่ยวเรื่องๆ หนึ่งได้ เด็กหญิงก็พูดค้านเศร้าๆ แต่สุดท้ายเธอก็เห็นด้วย
เขาเป็นสุนัขบ้าน อย่างไรๆ ก็ต้องกลับมาบ้านอีกแน่นอน เพราะพวกเขามักใช้ชีวิตข้างถนนไม่เป็น หากฝืนรังแต่จะโดนรถชนเปล่า เจ้าสุนัขเดินเที่ยวเตร่ไปนอนใต้สะพานลอยคืนหนึ่ง รอเรื่องสงบจนถึงเช้าถึงย่องไปดูลาดราวที่บ้าน
เขาพบนายหญิงของเขายืนยิ้มตอนรับกลับบ้าน อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ตั้งแต่เจ้าลูกชิสุเข้ามาในบ้าน เขาไม่เคยจะได้ความรักจากนายหญิงเลยแม้แต่น้อย
เขาดีใจมากเป็นพิเศษ ตรงดื่งเข้าไปหานายหญิง หวังเพียงเธอไม่ลงโทษเขา ดูเหมื่อเธอจะลืมเรื่องนั้นไปแล้ว แถมยังเล่นกับเขา แหย่เขาเล่นด้วยนิ้ว เขางับนิ้วเธอเบาๆ อย่างเพลิดเพลิน นายหญิงไม่ได้หัวเราะชอบใจ เธอขยับปากพูดกับเขาหลายประโยค แล้วเธอก็ยิ้มก่อนที่จะจูงเขาขึ้นรถออกไปนอกกับพ่อแม่ของเธอ นอกหน้าต่างรถมีเส้นสีเขียวและฟ้าเป็นแถบๆ เมื่อเริ่มเข้าใกล้ตัวเมือง เขาพบตึกมากมาย หลากสี ทั้งสูงจรดฟ้า และ เตี้ยจนแทบติดดิน
เขาเดินตามนายหญิงลงจากรถพลอยดีใจกระดิกหาง เมื่อมาถึงสถานที่ที่หนึ่ง ที่มีประตูกว้างใหญ่ประดับแก้วสีต่างๆ ดูระยิบระยับ ข้างในเขาเห็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งประดับประดาอย่างสวยงามเช่นเดียวกับประตู ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินสันจอนไปมาไม่ขาดสาย เขาพบสุนัขและแมวมากมายอยู่ที่นั่น พวกเขาแต่ละตัวดูมีชาติตระกูลดูเหมือนสัตว์เลี้ยงมากกว่าที่จะมาอยู่อย่างพเนจร น่าแปลกที่มีแววตาเศร้าสร้อยอย่างน่าใจหาย
นายหญิงสั่งให้เขารออยู่ที่นั่น จากนั้นเธอก็เดินข้ามธรณีประตูเข้าไป ออกทางประตูด้านหลัง เหลียวหันไปมองสุนัขหน้าโง่ตัวหนึ่งที่กำลังรอคอยนายหญิงของมันอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็ตาม เธอเป็นมนุษย์ที่ใจคอเหี้ยมโหดคนหนึ่ง เธอทิ้งเขาให้คอยอยู่ตรงนั้น อ้อมรถกลับบ้านพร้อมกับพ่อแม่ของเธอไปโดยไม่ใยดี
สุนัขอย่างเขาจะไปรู้ได้อย่างไร กลอุบายที่มนุษย์ซึ่งเขารักมาที่สุดในโลกคิดขึ้นมา
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าตนถูกทิ้งเสียแล้ว สิ่งที่เขารู้มีเพียงอย่างเดียวคือนายอันเป็นที่รักของเขาสั่งให้คอยอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้ว่า นานเท่าไร ที่ผมนั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เขา ต้องแต่วันที่เขาถูกคนพวกนั้นทิ้งไว้
ไม่รู้ว่า มีผู้คนกี่ร้อยกี่พันคนที่เดินผ่านพวกเรา บางก็มองด้วยท่าทางเห็นอกเห็นใจ แต่บางกลับไม่ใยดี
ไม่รู้ว่า เราจะต้องตั้งความหวังให้คนพวกนั้นกลับมารับ เราอีกทำไม ถึงกระนั้นเขาก็ยังคอย โดยไม่รู้สึกโกรธหรืออาฆาตแค้นใครเลย ในตอนนี้เขาอาจจะโกรธอยู่ แต่หากนายหญิงกลับมารับเขาไปด้วย เขาก็จะยกโทษทั้งหมดให้ แต่เธอก็ไม่เคยกลับมาใยดีพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว
เขายังคงรอนายหญิงของเขาต่อไป สุนัขที่ถูกตราหัวว่าโง่ ถึงจะรอนานเท่าไรนายหญิงก็ไม่กลับมาหาเขา แต่กระนั้นเขาก็ยังรอ จะผิดไหมหากสุนัขตัวหนึ่งจะหน้าโง่ไปจนวันตาย ตายไปพร้อมกับหัวใจที่ยังซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อผู้ทรยศ
ถึงใครจะว่าอย่างไร สุนัขหน้าโง่ตัวนั้น.. ก็ยังคงรอคอยนายหญิงที่รักของมันใจจดใจจ่อ เย็นย่ำ ค่ำมืด ผู้คนเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด มันก็ยังคอยต่อไป
สุนัขหน้าโง่ตัวนั้น.. คอยจนเช้า กลัวว่าถ้าตนขยับตัวออกไปหาของกินประทังชีวิต จะสวนกับตอนที่นายหญิงกลับมารับเขากลับบ้าน ดังนั้นเขาจึงคอยต่อไป
สุนัขหน้าโง่ตัวนั้น.. คอยอยู่ตรงนั้นนานแสนนาน แม้จะรู้ว่าถูกทิ้ง แต่เขาก็ยังคงยึดมั่นในคำสัญญาของมนุษย์ที่เขารักที่สุดในโลก คำที่บอกว่าคอยอยู่ตรงนี้ ยังคงดังอื้ออึงสะท้อนอยู่ในใจ
สุนัขหน้าโง่ตัวนั้น.. แม้ใครจะพยายามหลอกล่อให้มันขยับเขยื้อนหลายพันครั้งมันก็ยังยืนยันว่าจะคอยอยู่ตรงนั้นต่อไป
สุนัขหน้าโง่ตัวนั้น.. เฝ้าหวนนึกถึงคืนวันเก่าๆ ชีวิตของเขามีเพียงเธอผู้เดียว ใครเล่าว่าสุนัขความจำสั้น แท้จริงนั้นเขาจะจำไปจนวันตาย ยึดมั่นกับเจ้านายเพียงผู้เดียว แม้นายผู้นั้นจะทรยศหักหลังเขา หรือลืมเขาไปแล้วก็ตาม เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิตอันน้อยนิดของพวกเขา เขาจะอยู่เพื่อรอคอยนายหญิงอันเป็นที่รักยิ่ง ยังคงรอคอยอยู่ตรงนั้น แม้ชีวิตจะหาไม่ก็ตาม
คุณเคยเห็นแววตาเศร้าสร้อยของสุนัขที่ถูกทิ้งบ้างไหม แววตาของพวกเขาเหมือนอยากจะตายไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่พร้อมกับรอคอยให้นายอันเป็นที่รักของเขากลับมา โดยที่คนเหล่านั้นไม่คิดจะกลับมาหาพวกเขาอีกเลย พวกเขาบางตัวตายไปด้วยใจที่ยังรอคอยการกลับมา ตอมใจตายเพราะความเศร้าสร้อยเกินกว่าจะรับไหว
แต่ฟ้าก็ยังไม่โหดเหี้ยมขนาดปล่อยให้เจ้าสุนัขตายเปล่า
นานแสนนาน ผมได้พบเด็กชายคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบนักเรียนชั้นประถม พยายามโยนคอไก่ให้เขากิน เขาเดินเลี่ยงคิดจะไม่กินมัน เพราะเมื่อก่อนเขาเคยเจอกับเด็กคนหนึ่งที่มากับผู้ปกครอง เด็กนั่นทำทีหยิบของกินออกมาจากถุงโดยกำไว้ในมือ หลอกล่อให้เขาเข้าไปหา จากนั้นก็แกล้งดึงหูเขาเล่น เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เขาก็เริ่มเกลียดเด็กขึ้นมาทันใด บทเรียนที่แสนเจ็บปวดคือ เด็กเล็กๆ มักโหดร้ายเสมอ
แต่ความหิวกระหายในตัวเขามันสั่งให้เขากลืนคอไก่บนพื้น ชิ้นแรกไม่มีอะไรนอกจากความอร่อย เด็กชายปาคอไก่ลงพื้นอีกชิ้น เขาเขมือบเข้าไปอย่างรวดเร็ว คราวนี้เด็กคนนั้นนั่งลงบนบันไดวัด ค่อยๆ โยนคอไก่ลงพื้นให้เขากิน
เด็กชายนั่งตรงบันไดวัด พลางพูดกับเขาในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวเองเสมอ บ้านของเด็กชายคนนั้นไม่ได้ร่ำรวยหรือจน มีฐานะปานกลาง แต่ดูเขาไม่ค่อยพิศวาสการกลับบ้านเสียเลย เด็กชายชอบนั่งอยู่บันไดวัดจนถึงเย็น เมื่อใกล้ค่ำเขาถึงจะกลับบ้าน
“อ้ายหมาวัด.. แกรู้ไหมถึงฉันจะมีบ้านให้กลับ แต่ที่บ้านฉันกลับไม่มีความรักให้แก่ฉันเลย เหตุใดเล่าฉันถึงต้องกลับไปยังบ้านที่ไม่มีความรักให้แก่ฉันด้วย” ผมฟังความทั้งสองฝ่ายก็รู้สึกเศร้าใจนัก เจ้าสุนัขมีเจ้านาย แต่เจ้านายกลับไม่มีความรักให้แก่เขา เด็กชายมีบ้านมีพ่อแม่ แต่เขากลับไม่คิดจะกลับบ้านที่ไม่มีความรักให้แก่เขา ทั้งสองหัวอกเดียวกัน ดังนั้นจึงเข้ากันได้ดี ในด้านการปรับทุกข์ เด็กชายไม่สนว่าใครจะมองว่าเขาบ้าและยังยืนยันว่าจะคุยกับอ้ายหมา(หน้าประตู)วัด เจ้าหมาในตอนนี้เพิ่มเป้าหมายในการรอคอย เขารอทั้งเด็กชายกลับจากโรงเรียน และรอนายผู้ทรยศ
เจ้าสุนัขดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เขารอที่จะพบเด็กคนนั้น เข้าปะปนไปกินของในวัดที่คุณตาใจดีในผ้าเหลือง หรือคนใจบุญนำมาให้กิน เพื่อดำรงชีวิตให้อยู่ถึงเย็นเพื่อพบกับเด็กชาย
เย็นวันนั้นเด็กชายเดินเข้ามาหาเขา ในตาแดงกร่ำราวกับจะร้องไห้ เขามาเพื่อบอกข่าวร้าย ข่าไปก่อนอ้ายหมาวัด พูดกับเขาสองสามประโยค ก่อนที่เด็กชายจะเดินจากไป โดยไม่เหลียวกลับมามองพวกเราอีกเลย
เย็นวันต่อมา ผมกับเจ้าสุนัขรอเก้อ เด็กชายยังไม่มาหาเรา จนดึกดื่น จนโต้รุ่ง ข้ามวันไปยังเช้าวันใหม่ ผู้คนเบาบาง พระสงฆ์ออกบิณฑบาตยามเช้า อรุณไม่ได้ทอแสงยามเช้า ท้องฟ้าดูหม่นหมอง ราวกับลางร้ายที่คืบคลานเข้ามา เมฆครึ้มฟ้าครึ้มฝน ลมกรรโชก ผมกับเขารอ ทว่าเด็กชายก็ไม่กลับมาหาพวกเราอีกเลย
พายุกำลังจะมา รถในถนนบางตาจนแทบจะไม่มีเลย ทันใดนั้นผมกับเขาเหลียบไปเห็นรถคันหนึ่งขับฝ่าลมกรรโชก วิ่งผ่านเราไป รถคันนั้นแบกสัมภาระคล้ายกับจะย้ายถิ่นฐาน ของชิ้นหนึ่งร่วงหล่นจากรถ คงเป็นของสำคัญมากจนทำให้รถคันนั้นต้องจอด แล้วก็ส่งคนลงมาหยิบ
รถคันนั้นจะไม่มีอะไรน่าสนใจเลย หากคนที่ลงมาจากรถไม่ใช่เด็กชายคนนั้น
เด็กชายกำลังจะย้ายบ้าน คงเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราได้พบเขา เจ้าสุนัขอยากจะเข้าไปทักทายเด็กชายเหลือเกิน แต่ทว่าเขาลังเลระหว่างสัญญาที่ให้ไว้กับผู้ทรยศ เขาจึงนั่งอยู่ตรงนั้น
จากระยะไกล รถบรรทุกขับเลี้ยวไปมา อย่างไม่มีสติพุ่งเข้าใส่เด็กชายโดยที่เขาไม่รู้ตัว
วินาทีนั้นระหว่างที่เด็กชายกำลังก้มหยิบของบางอย่าง เจ้าสุนัขตัดสินใจเด็นขาด พุ่งเข้าชนเด็กชาย ทำให้เขากระเด็นเบี่ยงหลบรถบรรทุกไปได้ เขาไม่อยากทำลายสัญญาที่ให้ไว้กลับนายหญิง แต่เขาก็ไม่คิดจะเห็นเพื่อนรักของตนตายต่อหน้าต่อตา เด็กชายนั่งกล้ำกลึงอยู่ตรงนั้น ผมกระโดดเข้าคั่นกลางระหว่างรถบรรทุกกับเจ้าสุนัข
ทว่ารถนั้นวิ่งทะลุร่างผมไป ล้อของรถบรรทุกบดร่างเจ้าสุนัขผู้เคราะห์ร้ายจนแทบจะเป็นผงธุลีในคราวเดียว และวิ่งหายไปในพายุ
เด็กชายสะอื้น มุ่งเข้าไปกอดรัดอ้ายหมาวัดของเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์ ขนสีทอของเขาเปียกปอนไปด้วยเลือด เขายังไม่ตายแต่กำลังจะตายลงอย่างช้าๆ แม้จะทรมานเพียงใดเขาก็ไม่ยอมส่งเสียงร้อง กลับกันเขากลับกระดิกหางดีใจ อย่างช้าๆ และแผ่วเบาลงจนเห็นได้ชัด ทุกอย่างเหมือนจะเงียบลง แม้พายุจะโหมเข้าพัดกิ่งไม้ใบหญ้าจนเสียดสีเป็นเสียงดัง แต่เรากลับได้ยินแต่เพียงเสียงเต้นของหัวใจหมาวัดตัวหนึ่ง มันค่อยๆ ดับลงอย่างช้าๆ จนกระทั่งเสียงการเต้นครั้งสุดท้ายมาถึง
เด็กชายร้องไห้เช่นเดียวกับผม ไม่มีใครสนใจที่จะโศกเศร้าไปกับพวกเรา ท่ามกลางพายุในครั้งนั้น มีแต่เพียงฝนที่ตกลงมาราวกับกำลังร้องไห้อยู่
ผมเพิ่งเข้าใจในวินาทีนั้นเองว่า เด็กชายคนนั้นคือผม การที่ผมฝันถึงเรื่องราวของอ้ายหมาวัดในครั้งนี้ บ่งบอกถึงการมาเยือนของวันครบรอบวันตายของอ้ายหมาวัด สุนัขผู้แสนดี
แม้เรื่องในครั้งนี้จะเป็นความฝันที่ผมนอนหลับแล้วคิดขึ้นมาเองก็ตาม แต่มันก็คงเป็นความฝันเดียวที่ผมจะจดจำไปจนวันที่ชีวิตจะหาไม่
..แด่ อ้ายหมาวัด เพื่อนผู้แสนประเสริฐ
..ผลงานอื่นๆ ของ B.B.Smile ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ B.B.Smile
ความคิดเห็น